โตมาจน 29 ปีเราถึงกระจ่างขึ้นว่า
ความเป็นมนุษย์ของเด็กคนหนึ่ง ไม่ต่างจากผู้ใหญ่เลย
แต่เรากลับให้ค่าเขาน้อยเหลือเกิน
ในฐานะผู้ใหญ่ ที่เห็นและเข้าใจโลกขึ้นมาหน่อย ตัดสินความถูกผิดจากประสบการณ์ตัวเอง
เราไม่ได้เถียงข้อนี้ และบทความนี้ไม่มุ่งแย้งเรื่องความถูกผิดดีเลว
แต่เรื่องความเข้าใจในโลก
ที่เรายังไม่เข้าใจ คือผู้ใหญ่ลืมเคารพความเป็นมนุษย์ของเด็ก
โดยเอากติกา และการตัดสินไปครอบเขา
และรดความคาดหวังเช้าเย็น ให้เขาเติบโต มาในแบบที่ผู้ใหญ่ว่าดี
เหตุผลหลักที่เด็กไม่อยากเรียนอะไรยากๆ
ก็คงไม่ต่างกับการที่ผู้ใหญ่ไม่เห็นความจำเป็นในการเรียนให้ครบทุกศาสตร์
เราเลือกเสพ เพราะความสนใจ หรือเพราะเป็นประโยชน์ต่อสักด้านของชีวิต
ทำอย่างไรให้เด็กเข้าใจ มากกว่าจำใจเข้าเรียน
เพราะเด็กไม่เคยได้เห็นภาพกว้างของชีวิต
ไม่รู้ว่าเรียนวิชานั้นๆไปเพื่ออะไร
หรืออาชีพ กำหนดวิถึชีวิตอย่างไร
วิถีการเรียนแบบนี้ ต่างอะไรกับนักโทษในเรือนจำหรือ?
ท่องเข้าไป ทำแบบฝึกหัดสิ ทำไมไม่จำ ทำไมไม่เรียน ทำไมไม่ส่ง
แล้วทำไมเขาต้องทำ ? เพื่อ?
เด็กคงถามตัวเองแบบนี้
มันยากกว่านั่นแหละ ที่จะอธิบายให้เขาเห็นภาพกว้างของโลก 1 ใบ
แต่เราก็เชื่อว่านั่นคือเหตุผลของการมีครอบครัว มีสังคม และการมีผู้ใหญ่มาประคองการเติบโต
ช่วงเวลาวัยเด็ก เราว่าจำเป็นมากที่ต้องให้เขาได้เห็นว่าโลกกว้าง
เขาจะได้รู้ว่าเขาชอบ หรือไม่ชอบอะไร
เขาจะได้รู้ ว่าโลกนี้ตื่นเต้น และการเรียนจะช่วยแก้ปัญหาหรือพัฒนาชีวิตส่วนไหนได้บ้าง
ดังนั้นการเรียน แบบเหตุประกอบผล เราว่าจำเป็นเหลือเกิน
ดังนั้น
สิ่งเดียวที่เราอยากกลับไปเปลี่ยนแปลง คือการได้เห็นตื้นลึกหนาบางของโลกใบนี้ให้มาก
แล้วตัวเลือกในอาชีพ กับเหตุผลในการใช้ชีวิต
อาจจะไม่ได้มาจากภายนอกอีกต่อไป
ความคิดวิเคราะห์ จะส่งผลให้เกิดความรับผิดและชอบในการตัดสินใจ
และเชื่อเราไหม
ว่าสีของโลกใบนี้ จะสดสวยแปลกใหม่ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
คำขอพรวันนี้ของเรา
คือขอให้เด็กทุกคน ได้เห็นภาพกว้างของชีวิต และไม่ติดกับ อยู่กับคำจำกัดความของสังคม
เพื่อสร้างประชากรที่เป็นสุข และรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของชีวิตนี้
ด้วยตนเอง
ฝ้ายเอง
#บันทึกพิธีกร
Comments