ตอนทำวิทยานิพนธ์ป.โทที่ไต้หวันเกี่ยวกับ Public Speaking Anxiety
จำได้ว่าเราต้องอ่านบทความและงานวิจัยเป็นร้อยฉบับ และคุยกับอ.ที่ปรึกษาเยอะมาก
มีคำนึงของอาจารย์ที่ทำให้ผู้ทำอาชีพพิธีกรอย่างเราสะดุด อาจารย์พูดถึงหนึ่งในสาเหตุของความประหม่าที่เกิดขึ้นจากผู้ฟัง ซึ่งคนอาชีพอย่างเรา ไม่เคยนึกถึงตรงนี้เลย
อาจารย์Shujen คุยกับเรา จนเราฉุกคิดได้ว่า เอ้อ จริงๆด้วย หลายคนนี่ให้พูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา นี่ประหม่าน้อยกว่าพูดกับคนไทยด้วยกันนะ
เหตุผลหลักนี่ก็จะคล้ายๆกับเรื่องของหนึ่งในเหตุความประหม่าเวลาพูดต่อหน้าคนเยอะๆ
คือเรากลัวการตัดสิน กลัวการ"ตกเป็นเหยื่อ"
หนึ่งอย่างที่อยากให้คนไทยเลิก คือเลิก Judge หรือตัดสินคนไทยด้วยกันที่พูดด้วยสำเนียงที่แตกต่างกันออกไป
เกิดมาในชีวิตไม่เคยเห็นฝรั่ง(เจ้าของภาษา)คนไหน หรือคนที่พูดภาษาอังกฤษระดับAAA+ วิจารณ์คนชาติไหนๆที่พูดผิดไวยากรณ์ หรือมีสำเนียงบ้านเกิดชัดๆสักที
จะมีก็แต่คนอีกกลุ่มนี่แหละ ที่ชอบเหลือเกินที่จะวิจารณ์บั่นทอนกำลังใจกันเอง ทั้งผ่านคำพูด สายตา และท่าทาง... เพื่อออ?????????????????
ฝ้ายว่าทุกสำเนียงมีเสน่ห์หมดนะคะ ครั้งหนึ่งเสียงฝ้ายเคยได้รับเลือกให้เป็นเสียงเอกในสารคดีสำคัญ ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
โดยที่คู่แข่ง เป็นเพื่อนๆชาวอังกฤษและอเมริกา เจ้าของภาษา!!!
เพราะอะไรรู้ไหม ??
เขาเลือกเพราะเล่าถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย เสียงพูดที่ติดสำเนียงไทยบ้าง จะทำให้ดูสมจริง น่าฟัง น่าสนใจมากขึ้น
เหมือนสอนทำต้มยำกุ้ง
เอาฝรั่งมาสอนกับเจ๊ทิพย์ร้านดังท้ายซอย อะไรมันจะน่าเชื่อถือมากกว่ากัน
ดังนั้นเลิกตัดสินคนอื่นจากสำเนียง เพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้
คุณก็เหมือนกันค่ะ
จงมั่นใจในสำเนียงของตัวเอง แต่.สื่อ.สาร.ที่เป็นประโยชน์ ทั้งต่อตัวเอง และต่อผู้ฟัง
แล้วคนจะฟังเราเอง
หากพูดน้ำไหลไฟดับ
แต่ไม่มีสาระหรือประโยชน์ใดๆกับผู้ฟัง
นี่เขาจะเสียเวลาและเสียพลังงานสมองของเขาจดจ่อไปทำไม
รักนะ เลยพิมพ์มาจดไว้ เตือนตัวเองบ่อยๆ ฝ้ายจะได้ไม่ลืม แบ่งปันเพื่อนด้วย และหวังจะเห็นเมืองไทย ไม่ตัดสินใครๆจากสำเนียง
จงฟัง ไม่ใช่แค่ได้ยิน จงภูมิใจในปัญญา ไม่ใช่สิ่งที่แค่ฉาบหน้าเพื่อความสุนทรีย์
สิ่งใดที่เงินซื้อไม่ได้และจะไม่สูญหายไปตามกาลเวลา
จงเรียกสิ่งนั้นว่าปัญญา ที่มีค่าและทรงพลานุภาพมากกว่าอาวุธใดๆ
และจะดีที่สุด หากเราจะจดจำไว้
ว่า "เราไม่ได้เกิดมาเพื่อล่าเหยื่อ"
Comments